A เลเซอร์ CO2เป็นเลเซอร์ก๊าซชนิดหนึ่งที่ใช้คาร์บอนไดออกไซด์เป็นตัวกลางในการเลเซอร์ ถือเป็นเลเซอร์ชนิดที่พบเห็นได้ทั่วไปและทรงพลังที่สุดชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมและการแพทย์ต่างๆ ต่อไปนี้คือภาพรวม:
มันทำงานอย่างไร
- เลเซอร์มีเดียม:เลเซอร์สร้างแสงโดยการกระตุ้นก๊าซผสม โดยหลักๆ แล้วคือคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ไนโตรเจน (N2) และฮีเลียม (He) โมเลกุลของ CO2 จะถูกกระตุ้นด้วยการปล่อยประจุไฟฟ้า และเมื่อโมเลกุลเหล่านี้กลับสู่สถานะพื้นฐาน โมเลกุลเหล่านี้จะปล่อยโฟตอนออกมา
- ความยาวคลื่น:โดยทั่วไปเลเซอร์ CO2 จะปล่อยแสงในสเปกตรัมอินฟราเรดที่มีความยาวคลื่นประมาณ 10.6 ไมโครเมตร ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตามนุษย์
- พลัง:เลเซอร์ CO2 ขึ้นชื่อในเรื่องกำลังส่งออกสูง ซึ่งสามารถอยู่ในช่วงตั้งแต่ไม่กี่วัตต์จนถึงหลายกิโลวัตต์ ทำให้เหมาะกับงานหนัก
แอปพลิเคชั่น
- การตัดและการแกะสลัก:เลเซอร์ CO2 ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมสำหรับการตัด แกะสลัก และทำเครื่องหมายวัสดุ เช่น ไม้ อะคริลิก พลาสติก แก้ว หนัง และโลหะ
- การใช้ทางการแพทย์:ในทางการแพทย์ เลเซอร์ CO2 ใช้ในการผ่าตัด โดยเฉพาะในขั้นตอนที่ต้องมีการตัดหรือเอาเนื้อเยื่ออ่อนออกอย่างแม่นยำและมีเลือดออกน้อยที่สุด
- งานเชื่อมและงานเจาะ:เนื่องจากเลเซอร์ CO2 มีความแม่นยำและพลังงานสูง จึงถูกนำไปใช้ในงานเชื่อมและการเจาะ โดยเฉพาะกับวัสดุที่ยากต่อการประมวลผลด้วยวิธีการดั้งเดิม
ข้อดี
- ความแม่นยำ:เลเซอร์ CO2 ให้ความแม่นยำสูง จึงเหมาะกับงานตัดและแกะสลักที่มีรายละเอียด
- ความอเนกประสงค์:สามารถใช้งานได้กับวัสดุหลากหลายชนิด ตั้งแต่วัสดุอินทรีย์อย่างไม้และหนังไปจนถึงโลหะและพลาสติก.
- พลังงานสูง:เลเซอร์ CO2 ที่มีกำลังส่งออกสูง สามารถรองรับการใช้งานในอุตสาหกรรมหนักได้
ข้อจำกัด
- รังสีอินฟราเรด:เนื่องจากเลเซอร์ทำงานในช่วงสเปกตรัมอินฟราเรด จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น สวมแว่นตาป้องกัน เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
- การทำให้เย็น:เลเซอร์ CO2 มักต้องใช้ระบบระบายความร้อนเพื่อจัดการความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน ทำให้การตั้งค่ามีความซับซ้อนและมีต้นทุนเพิ่มขึ้น
โดยรวมแล้ว เลเซอร์ CO2 ถือเป็นเครื่องมือที่มีความอเนกประสงค์และทรงพลังซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย เนื่องด้วยความสามารถในการตัด แกะสลัก และประมวลผลวัสดุหลากหลายประเภทด้วยความแม่นยำ
เวลาโพสต์: 02-09-2024